สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ(สปสช.) เขต 10 อุบลราชธานี

 
 
สปสช. เข 10 จับมือกรมควบคุมโรค ...

สปสช. เข 10 จับมือกรมควบคุมโรค ...

สปสช. nbspเขต 10 จับมือ กรมควบคุมโรค และกรมราชทัณฑ์ รุก โครงการบริการให้คำปรึกษาการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและการตรวจคัดกรองวัณโรค กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ ปี 2558 ภายใต้สิทธิประโยชน์ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ครอบคลุมเรือนจำ 6 แห่งใน เขต 10 เพื่อลดอัตราการติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์และวัณโรคในกลุ่มผู้ต้องขัง แถมช่วยผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อเข้าถึงการรักษา

nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp นพ.เรืองศิลป์ เถื่อนนาดี ผู้อำนวยการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 10 อุบลราชธานี กล่าวว่า โรคเอดส์และวัณโรคนับเป็นโรคติดต่อที่มีความสำคัญ จำเป็นต้องดำเนินงานควบคุมโรคอย่างต่อเนื่องให้กับประชาชนทุกกลุ่ม รวมถึงกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ ดังนั้น กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ได้ร่วมมือดำเนินงาน โครงการบริการให้คำปรึกษาการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและการตรวจคัดกรองวัณโรค กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ ปีงบประมาณ 2558 เพื่อคัดกรองผู้ต้องขังจำนวน 13,501 คน ในเรือนจำ 6 แห่งในเขต 10 อุบลราชธานี เรือนจำ

nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp นพ.เรืองศิลป์ กล่าวถึง ความจำเป็นที่ต้องดำเนินงานคัดกรองเอชไอวีและวัณโรคในเรือนจำ เนื่องจาก ในเรือนจำมีสภาพพื้นที่ซึ่งจำกัด ทำให้มีความเสี่ยงต่อการแพร่ะกระจายโรคได้ง่าย ทั้งโรคเอดส์และวัณโรค จึงต้องมีมาตรการควบคุมและป้องกันที่เหมาะสม โดยเฉพาะการเข้าถึงบริการให้คำปรึกษา/ตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและคัดกรองวัณโรคตั้งแต่เนิ่นๆ ของผู้ต้องขังในเรือนจำ จึงนำมาสู่การประสานความร่วมมือ 3 หน่วยงาน ภายใต้โครงการบริการให้คำปรึกษาการตรวจการติดเชื้อเอชไอวีและการตรวจคัดกรองวัณโรค กลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำนี้

nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp ผลที่ได้รับจากโครงการนี้คือ กลุ่มผู้ต้องขังในเรืองจำได้รับการคัดกรองวัณโรค และได้รับการบริการให้คำปรึกษาและตรวจการติดเชื้อเอชไอวีตามชุดสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า นอกจากเป็นการป้องกันโรคระหว่างผู้ต้องขังแล้ว ยังป้องกันการแพร่ระบาดออกสู่ภายนอก ภายหลังจากที่ผู้ต้องขังเหล่านี้พ้นระยะเวลาการต้องขังและออกจากเรือนจำไปแล้ว พร้อมกันนี้ยังช่วยให้ผู้ต้องขังที่ตรวจพบเชื้อได้รับการรักษา จึงนับเป็นความร่วมมือที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งในแง่การป้องกันและควบคุมโรคระบาด ศ.นพ.รัชตะ กล่าว โดยโครงการนี้ยังเป็นความร่วมมือที่ได้ดำเนินการทั้งระดับส่วนกลางและพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีเป้าหมายการดำเนินงานร่วมกัน nbsp

nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp ผู้ต้องขังแม้ว่าจะอยู่ในเรือนจำ แต่ในด้านการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขจะได้รับสิทธิประโยชน์เทียบเท่ากับประชาชนกลุ่มอื่นๆ โดยในส่วนของการให้คำปรึกษาและการตรวจเอชไอวีแบบสมัครใจถือเป็นสิทธิที่ทุกคนจะได้รับ โดย สปสช.ให้การสนับสนุนงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นบริการปรึกษาและให้ความรู้เกี่ยวกับเอชไอวี 6 ครั้งต่อปี การบริการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วย Anti-HIV antibody 2 ครั้งต่อปี เช่นเดียวกับการตรวจ คัดกรองและรักษาวัณโรค ไม่ว่าจะเป็นการซักประวัติ การตรวจเอ็กชเรย์ปอด การตรวจเสมหะ และการให้ยารักษา

nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp nbsp ในการประชุมครั้งนี้ได้มีตัวแทนจาก สำนักงานควบคุมและป้องกันโรค ที่ 10 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด หน่วยบริการ รพ. และ เรือนจำกลาง 6แห่ง เข้าร่วมประชุมประมาณ 30 ท่านเพื่อร่วมกันวางแผนการดำเนินงานในการตรวจคัดกรองผู้ต้องขังต่อไป

nbsp



Project Manager: นส.มาริสา  บุญท้าว
โทรศัพท์: 045-240591
มือถือ: 090-197-5240
E-mail: marisa.b@nhso.go.th
วันที่ลงข่าว: 18/06/2558